Support
www.subsranya.com
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

การเลือกซื้อวัสดุปูพื้น

วันที่: 2010-07-10 01:00:12.0view 15865reply 2

                เนื่องจากงานปูพื้นมีความหลากหลายทั้งในแง่ของรูปแบบ การใช้งาน และวัสดุปูพื้นที่ใช้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของวัสดุปูพื้นที่มีจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดซึ่งมีให้เลือกอย่างมากมาย และวัสดุแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ในการเลือกวัสดุปูพื้นสำหรับบ้านแต่ละหลังจึงมีแง่มุมต่างๆ อยู่มากมายที่ต้องนำมาพิจารณาเพื่อการเลือกวัสดุปูพื้นให้เหมาะสมกับความต้องการและการใช้งาน

ข้อสังเกตเกี่ยวกับการปูพื้นและการเลือกใช้วัสดุปูพื้น


1. การเลือกวัสดุปูพื้นไม่ควรจะมองในแง่ของความสวยงามเพียงอย่างเดียวแต่ควรมองในแง่ของประโยชน์ใช้สอยและการดูแลรักษาด้วย เช่น บริเวณที่อาจมีการเปียกน้ำได้ง่ายหรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมก็ไม่ควรปูพื้นด้วยพรมหรือไม้ปาร์เกต์ บริเวณที่จะต้องถูกน้ำอยู่เสมอและเสี่ยงต่อการลื่นหกล้มเช่นห้องน้ำก็ไม่ควรปูพื้นด้วยหินหรือกระเบื้องที่มีผิวลื่นเป็นมัน หรือบริเวณที่อาจเลอะเทอะเปรอะเปื้อนได้ง่ายหรือเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยเช่นห้องครัวก็ไม่ควรปูพื้นด้วยพรมเพราะพื้นพรมทำความสะอาดยากและติดไฟง่าย เป็นต้น
2. กระเบื้องเคลือบสำหรับปูพื้นหรือบุผนังตามท้องตลาดจะมีอยู่ 2 เกรดเนื่องจากการควบคุมคุณภาพในการผลิตกระเบื้องทำได้ยาก ดังนั้นจะมีกระเบื้องบางส่วนที่มีคุณภาพด้อยกว่ามาตรฐานในทุกๆ รุ่นของการผลิต กระเบื้องที่มีคุณภาพดี มีขนาด รูปทรง สีสันและลักษณะผิวตามที่กำหนดจะถูกคัดไปไว้เป็นกระเบื้องเกรด A ส่วนกระเบื้องที่มีขนาด รูปทรง และสีสันที่ผิดเพื้ยนไปบ้าง หรืออาจมีรอยตำหนิที่ผิวกระเบื้องบ้างแต่มิได้เกิดการแตกหักชำรุดจะถูกคัดไว้เป็นกระเบื้องเกรด B ซึ่งมีราคาถูกกว่า เวลานำไปปูพื้นต่อเนื่องกัน การใช้กระเบื้องเกรด A จะให้สีสันและแนวรอยต่อของเส้นที่สม่ำเสมอกว่าและให้พื้นผิวที่ดูเรียบร้อยกว่าการใช้กระเบื้องเกรด B มาก เวลาดูบ้านหรือตรวจสอบการก่อสร้างบ้านจึงควรตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ด้วยว่ามีการนำกระเบื้องคนละเกรดมาใช้แทนกันบ้างหรือไม่
3. ในกรณีที่มีการปูกระเบื้องเคลือบในห้องน้ำ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการปูกระเบื้องพื้นและบุกระเบื้องผนังควบคู่กันไป การปูกระเบื้องดังกล่าวมักจะต้องวางแนวรอยต่อของกระเบื้องปูพื้นและกระเบื้องบุผนังให้เป็นแนวเดียวกันเพื่อความสวยงาม การเลือกกระเบื้องปูพื้นและกระเบื้องบุผนังควรจะใช้กระเบื้องยี่ห้อเดียวกันหรือถ้าจะใช้กระเบื้องต่างยี่ห้อกันเนื่องจากต้องการเลือกสีสัน และลวดลายที่ถูกใจก็ควรจะมีการทดสอบเปรียบเทียบตัวอย่างก่อนว่ากระเบื้องทั้ง 2 ยี่ห้อที่จะนำมาปูด้วยกันนั้นมีขนาดเท่ากันหรือไม่ เมื่อนำมาปูแล้วสามารถรักษาระยะของรอยต่อและความต่อเนื่องของแนวเส้นให้ดูสวยงามกลมกลืนกันได้หรือไม่ เพราะมีอยู่บ่อยครั้งที่ผู้ปลูกบ้านนำกระเบื้อง 2 ยี่ห้อมาใช้ด้วยกันโดยไม่ได้เทียบขนาดก่อน ปรากฎว่ากระเบื้องทั้ง 2 ยี่ห้อมีขนาดผิดเพี้ยนกันมากถึงแม้ว่าจะมีการระบุขนาดโดยทั่วไปว่าเป็นขนาดเดียวกันก็ตามทำให้ไม่สามารถรักษาความกว้างของรอยต่อและความต่อเนื่องของแนวเส้นไว้ได้เมื่อนำมาปูพื้นและบุผนังเรียงกัน ผลงานที่ออกมาจึงดูไม่สวยงาม
4. ในกรณีที่มีการปูกระเบื้อง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบสีสัน หรือลวดลายใดก็ตามควรจะมีการเก็บกระเบื้องแต่ละอย่างสำรองไว้บ้างประมาณ 3-5 % ของกระเบื้องชนิดนั้นที่นำมาใช้ เพราะกระเบื้องทุกชนิดมีโอกาสที่จะแตกชำรุดได้เมื่อถูกกระทบกระแทกโดยเฉพาะบริเวณที่มีการใช้งานมากอาจมีการชำรุดบ่อย หรือกระเบื้องที่มีลวดลายสีสันแปลกๆ อาจจะต้องเก็บสำรองไว้มากสักหน่อย เพราะถ้าอนาคตผู้ผลิตเลิกผลิตกระเบื้องชนิดนั้นแล้วจะไม่สามารถหากระเบื้องที่เข้าชุดกันสำหรับใช้ในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแทนกระเบื้องที่ชำรุดได้
5. ในกรณีของการปูพื้นปาร์เกต์ พื้นคอนกรีตด้านล่างจะต้องได้ระดับและมีความเรียบเสมอ และก่อนการปูพื้นปาร์เกต์จะต้องทำความสะอาดผิวพื้นเดิมและสกัดเศษปูนตามผิวพื้นออกให้หมด เพื่อให้ชิ้นไม้ปาร์เกต์สามารถวางได้แนบสนิทกับผิวพื้นคอนกรีต ไม่เกิดการกระดกหรือเกิดช่องว่างขึ้นด้านล่าง เพราะการปูปาร์เกต์จะใช้กาวเป็นตัวยึดระหว่างพื้นคอนกรีตและชิ้นไม้เท่านั้นถ้าการปูไม่แนบจะทำให้การเกาะยึดไม่แข็งแรงอาจเกิดการหลุดล่อนได้ง่าย อีกประการหนึ่งหลังจากการปูพื้นปาร์เกต์แล้วจะต้อทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนทำการขัดผิวเพื่อให้กาวแข็งตัวเต็มที่ถ้าเร่งงานในช่วงนี้เกินไปอาจทำให้พื้นที่ปูไว้เกิดการหลุดล่อนได้เช่นกัน
6. ไม้ปาร์เกต์ตามท้องตลาดนอกจากจะใช้วัสดุจากไม้หลายชนิดแล้ว ยังมีการแบ่งเกรดต่าง ๆ ตามคุณภาพของไม้ด้วยปาร์เกต์ที่มีคุณภาพดีจะมีเนื้อไม้ที่อยู่ในสภาพดี มีรอยแตกหรือบิ่นน้อย มีตาไม้น้อย มีลายไม้น้อย มีลายไม้และสีสันสวยงาม ไม้ดังกล่าวอาจระบุเป็นเกรด AAA หรือ AA ส่วนไม้ที่มีคุณภาพรองลงไปก็อาจจะระบุเป็นเกรด A หรือ B ซึ่งไม้ปาร์เกต์ต่างเกรดกันจะมีราคาที่แตกต่างกันมากพอสมควร ไม้ชนิดเดียวกันและเกรดเดียวกันแต่มาจากคนละแหล่งก็ยังอาจมีคุณภาพไม่เท่ากันได้ ฉะนั้นการเลือกไม้ปาร์เกต์นอกจากจะต้องดูเกรดแล้ว ยังต้องดูตัวอย่างสภาพจริงของไม้และแหล่งที่มาประกอบกันด้วย
7. การใช้ไม้ปาร์เกต์ปูพื้นถึงแม้จะเลือกใช้ไม้ในเกรดที่มีคุณภาพดีก็ตามเนื่องจากไม้ที่นำมาใช้ปูพื้นในแต่ละบ้านมีจำนวนมากชิ้นย่อมมีชิ้นไม้ที่มีคุณภาพไม่ดีหรือมีลวดลายสีสันที่ไม่สวยงามปนเข้ามาด้วย ช่างปูพื้นปาร์เกต์ที่มีความประณีตอาจช่วยได้โดยการคัดชิ้นไม้ที่มีคุณภาพดีและสวยงามนำไปปูพื้นในห้องที่มีการใช้งานบ่อยหรือต้องการออกหน้าออกตา เช่น ห้องรับแขกหรือห้องชั้น
ล่าง ขณะที่นำชิ้นไม้ที่มีคุณภาพด้อยกว่าปูไว้ในห้องนอนชั้นบนหรือในบริเวณที่คาดว่าจะวางตู้หรือเตียงทับลงไป เช่นนี้ภาพลักษณ์ที่ปรากฎโดยรวมก็จะดูดีและสวยงามมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม เพียงแต่ลงแรงเพิ่มขึ้นบ้างเท่านั้น ซึ่งการแก้ปัญหาในกรณีนี้จะสำเร็จลงด้วยดีก็ต้องอาศัยเจ้าของบ้านและผู้รับเหมาที่คอยสอดส่องดูแลและพูดคุยขอความร่วมมือจากช่างปูปาร์เกต์ก่อนที่จะทำการปูลงไป แต่สำหรับบางคนที่ไม่มีเวลาหรือไม่พิถีพิถันในสิ่งเหล่านี้ก็อาจจะปล่อยเลยตามเลย เพราะผลเสียที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงแง่ความสวยงามเท่านั้น

โควท

ความคิดเห็น

วันที่: Tue Dec 17 11:47:56 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Replys: 2   Pages: 1/1
guest
2010-08-21 10:15:58.0Post : 2010-08-21 10:15:58.0
Quote

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ

1
guest
เอ
- Guest -
2011-08-19 19:47:43.0Post : 2011-08-19 19:47:43.0
Quote

 ดีครับจะได้ไม่ต้องลงทุนเพิ่มขึ้น

2
1